วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

เมืองน้ำคาน พระราชวังหลวงพระบาง

        หากจะพูดถึงประเทศลาว คงไม่พ้นเมืองหลวงพระบาง เมืองที่ซึ่งเต็มไปด้วยวิถีชิวิตอันเรียบง่ายบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความอบอุ่น และผู้คนที่อาศัยอยู่เมืองหลวงพระบางแห่งนี้ ต่างก็เป็นมิตรและเป็นกันเองสุดๆกับนักท่องเที่ยว เมืองหลวงพระบางมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ได้ไปเที่ยวชม ในครั้งนี้เจ้าของบล็อกจะแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมืองหลวงพระบางที่ควรไปสักครั้งในชีวิต จะเป็นสถานที่ใด เรามาดูกันเลยค่ะ

แต่ก่อนอื่นขอเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองหลวงพระบางคร่าวๆให้ได้รู้จักกันก่อนนะคะ

https://th.readme.me/p/17531

        เมืองหลวงพระบาง หลวงพระบางเป็นเมืองเก่าแก่เป็นราชธานีแห่งแรกของอาณาจักรล้านช้าง สมัยแรกเริ่มสถาปนาอาณาจักรล้านช้าง แต่เดิมมีชื่อว่า "เมืองซวา" (ออกเสียงว่า ซัว) และเมื่อ พ.ศ. 1300 ขุนลอซึ่งถือเป็นปฐมกษัตริย์ลาวได้ทรงตั้งเมืองซวาเป็นราชธานีของอาณาจักรล้านช้างและได้เปลี่ยนชื่อเมืองใหม่เป็น "เชียงทอง"
        เมื่อพระเจ้าฟ้างุ้ม (พ.ศ. 1896 - พ.ศ. 1916) เสด็จกลับจากกัมพูชา อันเนื่องจากพระองค์และพระบิดาต้องเสด็จลี้ภัยเพราะถูกขับไล่จากกษัตริย์องค์ก่อน ซึ่งแท้จริงก็คือพระอัยกาของเจ้าฟ้างุ้มนั่นเอง เจ้าฟ้างุ้มทรงรวบรวมกำลังขณะอยู่ในเมืองพระนคร หรือเมืองเสียมราฐ และนำกองทัพนับพันกำลังเพื่อกู้ราชบัลลังก์กลับคืน และสถาปนาอาณาจักรล้านช้างขึ้นมาใหม่ และสถาปนาเมืองเชียงทองขึ้นเป็นราชธานีว่า กรุงศรีสัตนาคนหุตอุตตมราชธานี ต่อมาในรัชสมัยพระโพธิสารราชเจ้า พระองค์ได้ทรงอาราธนาพระบางซึ่งเดิมประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงคำขึ้นมาประดิษฐานอยู่ที่เมืองเชียงทองอันเป็นนครหลวง เมืองเชียงทองจึงมีชื่อเรียกว่า "หลวงพระบาง" นับแต่นั้นมา

นอกจากนี้เมืองหลวงพระบางยังได้รับการยกย่องจากองค์การยูเนสโกให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมอีกด้วย!!!


  • สถานที่แห่งนี้คือ พระราชวังหลวงพระบาง (พิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง)
    http://travel.trueid.net/detail/4wb7bpqnp9W
               พระราชวังหลวงพระบาง ถูกสร้างขึ้นในปี พ.ศ.2447 สมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ สืบทอดต่อมาถึงสมัยเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา พระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของลาว ภายหลังจากกาเปลี่ยนแปลงการปกครองหรือที่ชาวลาวเรียกว่า “การปลดปล่อย” รัฐบาลลาวได้เปลี่ยนพระราชวังหลวงมาเป็น  “หอพิพิธภัณฑ์”  ในปี พ.ศ. 2519 หลังจากที่ไม่มีพระมหากษัตริย์ประทับอยู่ที่นี่อีกต่อไป
http://laos-travel.blogspot.com/2013/09/blog-post.html

               ลักษณะแผนผังของตัวพระราชวังประกอบด้วยอาคารขวางด้านหน้า หลังคามุงกระเบื้องตรงกลางมีมุขยื่นออกมา มีหน้าบันเป็นรูปช้าง 3 เศียร มีฉัตรกางอยู่ตรงกลางข้างบนอันเป็นสัญลักษณ์ของราชอาณาจักรลาวล้านช้างในระบอบเดิมตรงเข้าไปเป็นห้องฟังธรรมของเจ้ามหาชีวิตและท้องพระโรง เบื้องหลังท้องพระโรงเป็นอาคารที่มีหลังคาเป็นยอดปราสาทหลังเดียวมองเห็นเป็นสง่าเด่นชัดจากภายนอกตัวอาคาร แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ปีกทางด้านซ้ายมือเป็นห้องรับแขกของพระมเหสี
               ปัจจุบันมีของขวัญจากประเทศต่างๆจัดแสดงให้ชมอยู่ ทั้งจากประเทศสังคมนิยมคอมมิวนิสต์, ประเทศทางตะวันตก, เอเชีย รวมทั้งของประเทศไทยส่วนปีกทางด้านขวามือเป็นห้องรับแขกของเจ้ามหาชีวิต มีความสวยงามบรรยากาศเป็นแบบฝรั่งเศสปนลาว มีภาพเขียนบนผ้าใบผืนใหญ่กรุเต็มผนังขึ้นไปจรดเพดาน เขียนขึ้นในปีพ.ศ. 2473 แสดงถึง ฮีตครอง(จารีตประเพณี) ของคนลาว ในช่วงเวลาต่างๆของแต่ละวันรูปขบวนเจ้ามหาชีวิตเสด็จไปสรงน้ำพระที่วัดเชียงทองและวัดใหม่ รูปประเพณีบุญปีใหม่ลาว รูปตลาดตอนแลง (ตลาดเย็น) ซึ่งภาพเหล่านี้ถ่ายด้วยด้วยเทคนิคแบบ Impressionism ทั้งยังมีรูปหล่อครึ่งตัวอีก 4 องค์คือ เจ้ามหาชีวิตอุ่นคำ เจ้ามหาชีวิตสักรินทร์  เจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์ และเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวัฒนา ซึ่งหล่อมาจากประเทศฝรั่งเศสทั้งหมด
https://th.readme.me/p/17531

               พระราชวังหลวงพระบางเป็นอาคารแบบฝรั่งแต่หลังคาเป็นแบบทรงลาว ตั้งอยู่ริมแม่น้ำโขง หันหน้าเข้าสู่พระธาตุพูสี ตัวพระราชวังเป็นหมู่อาคารเตี้ยๆชั้นเดียว ตั้งอยู่บนพื้นยกสูง มีความงดงามลงตัวของศิลปะยุคอาณานิคมผสมกับศิลปะแบบล้านช้าง สภาพโดยรอบมีความร่มรื่นด้วยต้นไม้ที่ไม่หนาจนเกินไป
https://th.readme.me/p/17531

               ส่วนของห้องสุดท้ายของปีกด้านนี้ได้ถูกจัดให้เป็นห้องพระโดยเฉพาะภายในเป็นที่ประดิษฐานของ “พระบาง” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองหลวงพระบางอันศักดิ์สิทธิ์  มีลักษณะประทับยืน ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างขึ้น หันฝ่าพระหัตถ์ออกทั้งสองข้าง ซึ่งชาวลาวเรียกกันว่า “ปางประทานอภัย” หรือที่คนไทยเรียกว่า “ปางห้ามสมุทร” เป็นศิลปะเขมรสมัยหลังบายนอายุราว 300 ปี มาแล้ว หล่อด้วยทองคำบริสุทธิ์ 90% หนัก 54 กิโลกรัม สูงราว 40 – 50 ซม. ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “เมืองหลวงพระบาง” อันหมายถึงเมืองที่มี “พระบาง” ประดิษฐานอยู่นั่นเอง
               ทุกวันขึ้นปีใหม่ลาว (ราวเดือนเมษายน) จะมีการอัญเชิญ “พระบาง” ลงมาประดิษฐานที่ “วัดใหม่” เพื่อให้ประชาชนสรงน้ำสักการบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคลของชาวหลวงพระบางและชาวลาวทั้งประเทศ ภายในห้องพระนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรก สลักด้วยหินในรูปแบบศิลปะเขมรอีก 4 องค์ และมีกลองมโหระทึกอีกหลายใบซึ่งไม่ทราบแน่ชัดว่ามาจากที่ใดนอกจากนั้นยังมีพวงมาลา
ของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ซึ่งถวายเป็นพุทธบูชาไว้เมื่อครั้งเสด็จมายังประเทศลาวและเมืองหลวงพระบาง เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2533

http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7/item/518-%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87.html

ประวัติการสร้าง
     พระพุทธรูปองค์นี้มีตำนานว่ากษัตริย์ขอมได้พระราชทานให้กับพระเจ้าฟ้างุ้ม  แต่ประดิษฐานอยู่ที่เมืองเวียงจันทน์เวียงคำอยู่ระยะหนึ่งจนกระทั่งได้รับการอัญเชิญไปประดิษฐาน ณ เมืองเชียงทองได้ในรัชกาลต่อๆมา  ท้ายสุด เมืองเชียงทองเองก็ได้เปลี่ยนชื่อไปเป็นเมืองหลวงพระบางตามนามของพระพุทธรูป ปัจจุบันพระพุทธรูปองค์นี้ได้กลายเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองประจำเมืองหลวงพระบาง
ลักษณะทางศิลปกรรม
     พระบางมีลักษณะเป็นพระพุทธรูปในศิลปะขอมสมัยหลังบายน คือมีเม็ดพระศกเล็กเป็นหนามขนุน  ห่มคลุม แสดงปางประทานอภัยสองพระหัตถ์ ด้านหน้าของสบงมีจีบหน้านางอันแสดงให้เห็นความเกี่ยวข้องกับศิลปะเขมร

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หลวงพระบาง
     **การแต่งกายในการเข้าชม : ต้องแต่งกายสุภาพ ห้ามใส่เสื้อแขนกุด กระโปรง หรือ กางกงขาสั้นอย่างเด็ดขาด
เปิดให้เข้าชม : 08.00-11.30 น. และ 13.30-16.00 น. (ปิดวันอังคาร)
ค่าเข้าชม : 30,000 กีบ (ประมาณ 118 บาท)
     
        เป็นอย่างไรกันบ้างคะ กับข้อมูลของพระราชวังหลวงพระบางที่มีประวัติอันยาวนานมาตั้งแต่สมัย พ.ศ. 2447 คงน่าไปแวะเวียนเยี่ยมชมกันไม่มากก็น้อย และนอกจากพระราชวังหลวงพระบางแล้ว ยังมีสถานที่อื่น ๆ ในเมืองหลวงพระบางอีกมากมายให้ไปแวะเวียนเยื่ยมชม เช่น วัดวาอารามอันเก่าแก่ บ้านเรือนอันเป็นเอกลักษณ์แบบโคโลเนียลสไตล์ หรือเที่ยวชมวิถีชีวิตอันแสนเรียบง่ายและขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวหลวงพระบาง ที่ทุกคนจะต้องหลงใหลกับสิ่งที่ได้ไปสัมผัสอย่างแน่นอน


ยังไงก็ต้องไปให้ได้สักครั้งนะคะ!! เพราะการเดินทางคือการเรียนรู้


อ้างอิง
     พระราชวังหลวงพระบาง.(มปป).สืบค้นเมื่อ 08/09/2561, จากhttp://www.louangprabang.net/content.asp?id=88
     วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี.  หลวงพระบาง.(2561)สืบค้นเมื่อ 08/09/2561,  จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%87
     รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี.  พระบาง.(มปป).สืบค้นเมื่อ 08/09/10, จากwww.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/ลาว/item/518-พระบาง.html
     เอิงเอย.  10 ที่เที่ยว หลวงพระบาง เมืองมรดกโลก(2561).สืบค้นเมื่อ 08/09/2561, จากhttp://travel.trueid.net/detail/4wb7bpqnp9W

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ประตูชัย สัญลักษณ์ของอิสรภาพ

      การประกาศอิสรภาพจากอาณานิคมฝรั่งเศสของลาว เป็นการประกาศให้โลกรู้ถึงการไม่ได้ตกอยู่ภายใต้อำนาจของฝรั่งเศสอีกต่อไปแล้ว ชาวลาวจึงได้สร้...